7 การบริหารจัดการเงินอย่างสมดุลเพื่อความมั่นคงและมั่งคั่ง

  • 11 May 2020
  • 1632
หางาน,สมัครงาน,งาน,7 การบริหารจัดการเงินอย่างสมดุลเพื่อความมั่นคงและมั่งคั่ง

สวัสดีค่ะผู้อ่านที่รักทุกท่าน หายไปซะนาน เนื่องด้วยว่ามีโปรเจ็คในชีวิตมากมาย อีกทั้งเป้าหมายก็มากมี ที่จะต้องดำเนินการให้เรียบร้อย ซึ่งในตอนนี้ก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

วันนี้ผู้เขียนกลับมาพร้อมกับแนวทางการบริหารจัดการเงิน ที่ผู้เขียนใช้ในชีวิตของตนเอง

 

ต้องขอออกตัวก่อนนะคะว่าผู้เขียนได้แนวคิดและข้อสรุปมาจากส่วนหนึ่งในหนังสือเปลี่ยนชีวิตเล่มโปรดเล่มหนึ่งชื่อ “ถอดรหัสลับสมองเงินล้าน”  โดย ที ฮาร์ฟ เอเคอร์ ใครที่เคยอ่านหนังสือเล่มนี้ก็ให้ถือว่าเป็นการทบทวนอีกที หรือใครที่ไม่เคยอ่านก็ถือว่าให้เป็นแนวทางบริหารจัดการเงินกันนะคะ 

 

1.เปิด “บัญชีอนาคต” (ชื่อบัญชีแต่ละบัญชีจะตั้งยังไงก็ได้นะคะ เอาที่ชอบ) แล้วหัก 10% จากรายได้ ไปใส่ในบัญชีนี้ เงินในบัญชีนี้ห้ามใช้เด็ดขาด ห้ามมีบัตรเอทีเอ็ม บัญชีนี้มีไว้เพื่อนำไปลงทุนให้เงินงอกเงย หรือเก็บออมระยะยาวเพื่อการเกษียณ ไม่ว่าจะเป็นเงินฝาก ประกันชีวิต(ออม, บำนาญ), LTF, RMF, หุ้น เก็บตามที่ถนัด ที่สำคัญคือเงินในบัญชีนี้จะนำออกมาได้ก็ต่อเมื่อคุณเกษียณเท่านั้น

 

2.เตรียม “กระปุกมั่งมี” กระปุกนี้ผู้เขียนมีเยอะ วางทุกแห่งของบ้านที่มีที่วาง เช้าก่อนออกจากบ้านหยอด 
เย็นกลับมาถึงบ้านก็หยอด มีเหรียญ, แบงค์ ค้างในกระเป๋าเสื้อ กระเป๋าถือ กระเป๋าสตางค์ กระเป๋ากางเกง
นำมาใส่ในกระปุกนี้ หรือวันไหนรายได้มากหยอดมากหน่อย (วันไหนไม่มีรายได้ก็แคะกระปุก!!?? 
ฮา..ไม่ใช่ๆ.. วันไหนไม่มีก็ไม่ต้องหยอดก็ได้ค่ะ) สำหรับผู้มีรายได้เดือนละครั้ง
ก็ใช้เป็นแบบเศษเงินทอนตอนทานข้าวหรือเศษเงินซื้อเครื่องดื่มหรือเศษเงินค่าเดินทางก็ได้นะคะ

 

3.เปิด “บัญชีใช้แหลก” จะเปิดบัญชีหรือแบ่งเงินสดออกมาก็ได้ หัก 10% จากรายได้ ใช้จ่ายส่วนนี้เพื่อหาความสุขใส่ตัว ปรนเปรอความอยากได้ของเรา อย่างที่ผู้เขียนใช้ประจำคือท่องเที่ยวค่ะ เพราะการท่องเที่ยวทำให้เราเปิดโลกทัศน์ มองโลกในแง่ดี พบเจอผู้คนใหม่ๆ เข้าใจธรรมชาติ อยู่กับตัวเอง ผ่อนคลาย มีพลังขึ้น ผู้เขียนจะไม่ใช้ 50% เที่ยวนะคะ เพราะว่าหากใช้เงินท่องเที่ยวอย่างเดียว มันมีส่วนไปเบียดเบียนเงินในอนาคตด้วย ผู้เขียนจะรู้สึกผิดมาก ที่เป็นผู้กำหนดการใช้ชีวิตที่ลำบากในภายภาคหน้า สำหรับข้อนี้จำไว้เสมอเงินในบัญชีนี้ต้องถูกใช้อย่างปราศจากข้อแม้และเหตุผล สำหรับผู้อ่านก็เลือกใช้แหลก ไม่ว่าจะเป็น นวด สปา ทำหน้า ดัดฟัน ซื้อเครื่องเพชร ซื้อทองไปทานร้านอาหารหรู ทานร้านอาหารอร่อย จ้างคนรับใช้ส่วนตัว อะไรก็ว่าไป ตามวิถีเลยค่ะ

 

4.เปิด “บัญชีหมุนเวียน” หัก 10% จากรายได้ บัญชีนี้ต่างจากบัญชีอนาคตนะคะ มันสามารถถอนเงินออกมาเป็นค่าใช้จ่าย เงินอาจมีเหลือมากน้อยหรือไม่เหลือเลยในบางโอกาสก็เป็นได้ บัญชีเงินหมุนนั่นเอง

 

5.เปิด “บัญชีเพื่อพัฒนา” หัก 10% จากรายได้ สำหรับความรู้และการศึกษาค่ะ ซื้อหนังสือ ลงคอร์สเรียน สัมมนาอะไรก็ได้ ที่จะทำให้เราหรือคนในครอบครัวได้พัฒนาต่อยอดสายอาชีพ เพิ่มพูนความรู้ในสิ่งที่สนใจ ความรู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้ อะไรก็ได้ที่ทำให้เราพัฒนาตนเองได้

 

6.เปิด “บัญชีปัจจัย 4” หัก 50% จากรายได้ สำหรับค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับ อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค จำเป็นสำหรับชีวิตค่ะต้องแบ่งออกมาไว้มากหน่อย ( แต่มีบางครั้งบางเดือน, รายได้บางก้อนที่ผู้เขียนหักตรงนี้เพียง 40% เพื่อเฉลี่ยอีก 10% ไปทาง “บัญชีอนาคต” ด้วย เพราะอัตราเงินเฟ้อมีผลต่อค่าใช้จ่ายในอนาคต ซึ่ง 10% ในบัญชีอนาคตอาจจะไม่เพียงพอ หรือแบ่งมาที่ “กระปุกมั่งมี” )

 

7.เตรียม “กล่องเงินเพื่อสังคม” สุดท้ายนี้คือ 10% ของรายได้เพื่อผู้อื่นหรือสาธารณะประโยชน์ สิ่งที่ผู้เขียนทำประจำคือ บริจาคเด็กกำพร้ามูลนิธิ ผู้ป่วยขาดแคลน บริจาคเงินสิ่งของให้ผู้ขาดแคลนยากไร้ ทำบุญ เลี้ยงอาหารผู้ยากไร้ รูปแบบของการให้มีมากมาย ใครถนัดให้แบบไหนก็ใช้วิธีในแบบของตนได้เลย  หากใครเห็นว่า 10% มากไปหรือน้อยไปก็เพิ่มลดได้ตามกำลังนะคะ แต่ต้องไม่เพิ่มและลดจนกระทบกับการจัดการเงินในบัญชีอื่นๆข้างต้นด้วย

 

เพื่อให้ง่ายขึ้นในการบริหาร รายได้ของผู้เสียภาษีอากรควรมีการคำนวณหักภาษีคร่าวๆมาแล้ว หรือใครอาจจะประยุกต์ โอนส่วนที่เป็นภาษีเข้าบัญชีข้างต้นตามความเข้าใจก็ได้ค่ะ

 

อย่างไรก็ตามหลายคนบอกว่า มีหนี้มากมายไม่มีจะให้แบ่งหรือบริหารหรอกเงินน่ะ ผู้เขียนให้ความเห็นแบบนี้ค่ะ หนี้ส่วนหนี้แบ่งไปชำระหนี้ตามลำดับความสำคัญ ถ้าคุณกังวลเรื่องหนี้จะทำให้คุณไม่ได้เริ่มบริหารเงินเลย ถ้าคุณใช้หนี้จนไม่มีเก็บหรือใช้ คุณจะเริ่มหาทางใช้เงินและเป็นคนที่สร้างหนี้แบบไม่รู้ตัวเพิ่มอีกในที่สุด เพราะจิตใต้สำนึกบอกว่าคุณขาดแคลนจากการที่ไม่มีอะไรเลย ได้มาใช้หนี้อย่างเดียว ชีวิตดูว่างเปล่า ไม่ได้ใช้จ่าย ไม่ได้ให้รางวัลกับตัวคุณเอง มีความเครียด หมดพลังและกำลังใจ เหล่านี้ผู้เขียนเคยได้รับประสบการณ์ตรงกับตัวเองมาในอดีต

 

– บัญชีอนาคต
– กระปุกมั่งมี
– บัญชีใช้แหลก
– บัญชีหมุนเวียน
– บัญชีเพื่อพัฒนา
– บัญชีปัจจัย 4
– กล่องเงินเพื่อสังคม

 

ทั้งหมดนี้คือการบริหารเงิน เก็บ ใช้ กิน เที่ยว ให้สมดุลกับชีวิต ซึ่งสามารถปรับแต่งให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนได้ ผู้เขียนมั่นใจว่า ถ้าผู้อ่านได้เริ่มปฏิบัติหรือนำไปประยุกต์ใช้อย่างจริงจังจะเป็นประโยชน์ต่อการบริหารเงินของตนเองและครอบครัว มาเริ่มกันเลยนะคะ ตั้งแต่ตอนนี้เลย

 

ขอบคุณที่มา aommoney.com

JOBBKK.COM © Copyright All Right Reserved

Jobbkk has only one website. In no case, we have an affiliate, agent or appointee. Please do not rely on any other website, email, telephone, SMS or other contacting channel. If it is a case, we will prosecute under a lawsuit in the upmost as allowed. DBD

Top